รักของฉัน….ยายทองดำ - รักของฉัน….ยายทองดำ นิยาย รักของฉัน….ยายทองดำ : Dek-D.com - Writer

    รักของฉัน….ยายทองดำ

    ฉัน ทองดำ ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่เคยสนใจสิ่งรอบข้างฉันเลย เค้า นายเสาไฟฟ้า ผู้ชายที่สนใจผู้หญิงทุกคนบนรถเมล์คนเล็กๆ ที่เราต้องเจอกัน

    ผู้เข้าชมรวม

    237

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    237

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  14 มี.ค. 49 / 11:14 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

          สวัสดีค่าาาาา นี่เป็นเรื่องสั้นเรื่องแรก และก็เป็นแนวรักเรื่องแรกด้วยนะคะ  ยังไงก็ฝากผู้อ่านทุกคนด้วยนะค้าาาาาาา  ลองมากอ่านกันน่ะ นะ นะ    

      +++++++++++++++++++++++

              ฉัน “ทองดำ” ผู้หญิงตาดำๆ ธรรมดาคนหนึ่งบนโลกอันกว้างใหญ่ใบนี้(เวอร์ไปไหมเนี่ย) ฉันเป็นผู้หญิงที่จะบอกว่าสวยก็คงพูดได้ไม่เต็มปาก ครั้นจะบอกว่าตัวเองขี้เหร่ก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองขี้เหร่สักที(งั้นก็แปลว่าแกหลงตัวเองไง^O^ -- กะหล่ำ) และฉันก็เป็นมนุษย์(ก็แน่ซิ-รึแกไม่ใช่ล่ะ -__-^)ที่เรียกได้ว่าไร้เสน่ห์อย่างไม่ต้องพูดถึงอีกด้วย ตลอดระยะเวลา 18 ปีที่ลืมตาดูโลกมาคำว่า ‘แฟน’ ไม่เคยอยู่ในหัวฉันเลยซักนิด(พูดง่ายๆ คือไม่เคยมีไงล่ะ) และก็เพราะว่าฉันเป็นคนที่ไร้เสน่ห์อย่างถึงที่สุด เลยทำให้ฉันเป็นพวกรักเขาอยู่ข้างเดียว ไม่มีชายใดมาเหลียวแล (โถ โถ น่าสงสาร TTOTT สงสารฉันเองอ่ะที่เหมือนแก --- กะหล่ำ)

               และครั้งนี้ก็เช่นกัน เหมือนฟ้าสั่งให้ฉันต้องรักเขาข้างเดียว เหตุการณ์อย่างนี้เลยต้องเกิดอีกครั้ง หลังจากที่ฉันเพิ่งอกหักจากรุ่นพี่ที่จบไปแล้วด้วยเหตุผลเดิมๆ ที่ไม่อยากพูดถึง(แต่ฉันจะพูด ก็แอบรักเขาไง ^_^กะหล่ำ หรือ ว่าพี่เค้าเป็นเกย์วะ -_-“) แต่ความรักของฉันครั้งนี้มันต่างจากทุกครั้งจากที่ผ่านมา และเพราะเขา เขาคนนั้นที่เข้ามาในชีวิตฉัน ให้หลุดจากคำว่า ‘แอบรัก’ มาเป็น ‘เรารักกัน’ ซะที ^O^

               เรื่องราวควารักของฉัน มันเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว(เออ…มันเกี่ยวกันตรงไหนฟ่ะเนี่ย =_= --กะหล่ำ) (เออเด่ะ -_-^บอกว่าเกี่ยวก็เกี่ยวซิฟ่ะ--ทองดำ) ก็เพราะราคาน้ำมันมันขึ้นนี่แหละที่ทำให้ชีวิตฉันต้องเปลี่ยนไป(เวอร์อีกและ--กะหล่ำ)

              “วรรณ….ต่อไปนี้หนูต้องขึ้นรถเมล์แล้วนะลูก” ประโยคเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง(ไปไกลแล้วนะแก--กะหล่ำ)

              แม่ฉันชอบเรียกฉันว่า ‘วรรณ’ จากชื่อจริงของฉัน ‘นิลสุวรรณ’ เพราะท่านไม่ชอบชื่อ ‘ทองดำ’ ซะเท่าไหร่(แล้วตั้งทำไมว่ะ~~--กะหล่ำ) เพียงแต่คุณยายของฉันยื่นคำขาดว่าจะตั้งชื่อให้ฉันว่า ‘ทองดำ’ (มงคลจริงๆ) เป็นการแก้เคล็ด เพราะเมื่อตอนฉันเกิด ตัวฉันดำม๊ากมาก คุณยายเลยตั้งชื่อแก้เคล็ดมันเสียเลย และวิธีของคุณยายนี่แหละทำให้ตอนนี้ฉันขาวซะจนเพื่อนมันหาว่าฉันเป็นจิ้งจำไม่เจอแดด เพราะขาวจนซีดอย่างน่าเวทนา (ได้ผลดีเกินคาดแฮะ….ท่าทางฉันต้องเอามั้ง เพื่อว่าจะขาวกะเขาบ้าง^_^--กะหล่ำ)

               ฉันมองแม่หน้ายุ่ง ถึงแม้ว่าบ้านฉันมันจะขึ้นชื่อว่า อำเภอเมือง แต่ระยะทางมันก็เกือบสุดขอบอำเภออยู่ร่อมร่อ แถมโรงเรียนฉันก็ดันอยู่อีกขอบอำเภอเมืองอีกด้านอีกต่างหาก ฉะนั้นการขึ้นรถเมล์จึงเป็นเรื่องที่ฉันไม่ชอบใจมากทีเดียว

               ถึงแม้ว่าความจริง การเดินทางในจังหวัดสุพรรณบ้านเกิดเมืองนอนของฉัน จะไม่ได้วุ่นวายเหมือนในกรุงเทพเมืองหลวงก็เถอะ และก็ไม่ถึงกับลำบากมากมายนักหนาอะไรก็ตาม(ในความคิดของแม่แต่ไม่ใช้ความคิดของฉันแน่นอน---ทองดำ) แต่การที่ฉันต้องตื่นเช้ากว่าเดิมถึง 1 ชั่วโมง ก็เป็นเรื่องใหญ่สำหรับฉันมาก (ที่แท้แกก็ขี้เกียจตื่นนี่เองยายทองดำ--กะหล่ำ)

               “ไม่ต้องมาเถียง ค้าน ไม่พอใจ ขอร้อง หรืออะไรทั้งสิ้น ยังไงๆ แกก็ต้องขึ้นรถเมล์” แม่พูดก่อนจะเดินจากไปทิ้งไว้แต่ความสิ้นหวังของเด็กน้อยชื่อดำๆ คนนี้ (ฟังเหมือนรันทดนะแก =O=)

              และในเมื่อคำบัญชาของท่านแม่ลงมาเยี่ยงนี้ จึงต้องปฏิบัติตามอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง และตอนนี้ฉันก็กำลังนั่งรถกลับบ้าน หลักจากที่เมื่อตอนเช้าของการไปโรงเรียนของฉันโดยรถเมล์ตามที่ท่านแม่ต้องการลุล่วงไปด้วยดีแล้ว ตอนขากลับบ้านมันก็ดันมีปัญหาจนได้ เมื่อฝนราชการมันดันตก จนฉันต้องวิ่งหนี่ฝนแทบตายเพราะกลัวจะเปียก และขึ้นรถหลบฝนได้อย่างหวุดหวิด

               รถเมล์สายบ้านฉันแท้จริงแล้วมันก็คือรถกระบะธรรมดา ที่ถูกปรับเสริมเติมแต่งจนมีหลังคา มีที่นั่งให้ผู้โดยสาร แถมทั้งที่พักเข้าที่ท้ายกระบะไว้สำหรับพวกชอบโหนและยามไม่มีที่นั่ง

              “เฮ้ย!!!รอด้วย…โว้ย!!!!!” เสียงเรียกจากเด็กนักเรียนกลุ่มหนุ่งตะโกนไล่หลังรถที่กำลังเคลื่อนตัวออกจากท่า(และคนทั้งคนรถ)หันไปมองตามเสียงกลางสายฝนทันที กลุ่มนักเรียนในชุดชอพสีเทา ที่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นสถาบันไหน(แล้วมันสถาบันไหนอ่ะ--กะหล่ำ)

               “อ๋อ…..ที่แท้ก็เด็กโรงเรียนช่างกล(รู้แล้วใช่มะ ยายกะหล่ำปลีหัวโต --- ทองดำ)”ฉันปรารถในใจ หากแค่เพียงเสมองเด็กกลุ่มนั้นผ่านๆ แต่แล้วสายตาเจ้ากรรมของฉันก็ไปสะดุดกับคนคนหนึ่งเข้า หมอนั้นเป็นหนึ่งในกลุ่มและดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่มเสียด้วย ใบหน้าขาวใสเนียน นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มคู่โตส่อเค้าความขี้เล่น แต่บางทีก็ส่อความเป็นคนเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ถึงแม้ว่าหมอนั้นจะไม่ใช่คนหล่อเหลาอย่างที่สาวเห็นต้องกรี๊ดสลบ แต่นั้นกลับเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ฉันรู้สึกสะดุดตา(และสะดุดใจ)ในตัวเขาอย่างบอกไม่ถูกเลยที่เดียว(โฮ่~~นี่ขนาดแกมองผ่านๆนะเนี่ย O.O-- กะหล่ำ)

              “เอ…หรือว่าจะเป็นเพราะความสูงของหมอนั้นนะ” ฉันคิดเรื่อยเปื่อยเพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับนายคนนี้ ที่ทำให้ฉันไม่อาจถอนสายตาจากเขาได้เลย (เพราะแกหื่นกามอ่ะดิ =_= --- กะหล่ำ) (เปล่าซะกะหน่อย เพราะฉันชอบผู้ชายสูงต่างหากย่ะ *U* ทองดำ )

               และเหมือนว่าเจ้าหนุ่มตัวสูง (ตามสเป๊กฉัน ^__^) จะรู้ตัวว่ามีคนมองตัวเองอยู่ พี่แกเลยจ้องตอบอย่างไม่เกรงกลัว ร้อนจนคนเริ่มจ้องต้องรีบเบนสายตาแทบไม่ทัน ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องมันไม่จบแค่นั้นนะซิ

              “เหยิบหน่อย..”นายเสาไฟฟ้า (เอาเป็นว่าฉันเรียกหมอนั้นว่า นายเสาไฟฟ้าล่ะกัน เพราะมันสูงดี ^_^)สั่งฉันเสียงห้วน ถึงแม้น้ำเสียงจะไม่ได้ดุเท่าไหร่นัก แต่คนอย่างฉันที่เป็นพวกอ่อนไหวง่ายอยู่แล้ว (แกแน่ใจนะยายทองดำว่าแกเซ็นเซอร์ทีฟ---กะหล่ำ)อดไม่ได้ที่จะกลัวนายเสาไฟฟ้านั้นอยู่นิดๆ และแน่นอนว่าฉันต้องทำตามที่นายเสาไฟฟ้าว่า คือเขยิบให้เขานั่งตามมารยาทอย่างเสียไม่ได้(โฮะ โฮะ มีหนุ่มในสเป็กมานั่งข้างๆ ใครไม่ยอมก็บ้าแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า ^O^) และเพราะที่นั่งมันแคบแสนแคบแถมนายเสาไฟฟ้ายังตัวใหญ่อีกต่างหาก ทำให้ไอ้เสื้อที่เปียกจากการที่เขาวิ่งตากฝนมันมาเผยแผ่ความเปียกมาให้ฉันผู้นั่งข้างๆเปียกฝนไปด้วย

              รถเมล์ค่อยๆแล่นไปเรื่อยๆ และฉันก็ยังคงเลือกที่จะมองวิวทิวทัศน์ที่มีแต่เม็ดฝนมากกว่าบรรยากาศในรถเมล์คนเล็กคนนี้ พยายามไม่สนใจบทสนทนาของพวกของนายเสาไฟฟ้าให้มากนัก

              “เฮ้ย!!!วันนี้ไอ้โต้งมันไปมีเรื่องกับคู่อริมันว่า กรูเลยต้องไปช่วยมันหน่อย เล่นเอากรูเกือบแย่ว่ะ” หนึ่งในบทสนทนาของนายเสาไฟฟ้าโม้กับพวกของตัว ซึ่งมันก็ไม่พ้นเรื่องชกต่อย มีเรื่องกับร.รคู่อริ และอีกหลายเรื่อง ซึ่งล้วนเป็นเรื่องที่ฉันไม่ชอบทั้งนั้น (แต่ก็พยายามเสนอหน้าไปดูเวลาเค้ามีเรื่องกันอ่ะนะ ^^--ทองดำ)(แล้วแกบอกว่าแกไม่ชอบนี่นะไอ้ดำ  -_-^---กะหล่ำ) ไม่เพียงแค่นายเสาไฟฟ้าจะคุยโม้เท่านั้น พี่แกยังหันไปจีบสาวบนรถเมล์อีกต่างหาก(แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นไม่มีฉันอยู่ด้วย --- น่าเศร้าไหมล่ะ T^T)(ม่ายอ่ะ (=_= )( =_=)(=_= )--กะหล่ำ)

              “ฮึ พวกนักเลง แถมหน้าหม้อ อีกต่างหาก” ฉันคิดอย่างหมั่นไส้ น่าหงุดหงิดชะมัดที่ฉันดันไปปิ๊งนายเสาไฟฟ้านั้นได้ยังไง คงเป็นแค่ความสูงกับหน้าตาที่สะดุดใจฉันล่ะมั้ง ที่ทำให้ฉันหลงผิดเพียงชั่วครู่

              ในที่สุดรถเมล์คนน้อยของฉันก็ไปจอดหน้าหมู่บ้านใกล้บ้านฉันก่อน นายเสาไฟฟ้าและพวกพ้องของตัวเองกรูกันลงจากรถกันหมดรวมไปถึงเด็กบนรถบางคนด้วย(นั้นทำให้เหลือคนบนรถไม่กี่คน) หมอนั้นเดินหน้าเลิศหน้าลอยลงจากรถไปทิ้งไว้แต่รอยเปียกชื่นจากสายฝนเท่านั้นที่ทิ้งไว้ให้ฉันดูต่างหน้า (โฮ่ โฮ่ ให้มันได้อย่างนี้ซินายเสาไฟฟ้าาาาา T^T)

              การเดินทางด้วยรถเมล์ครั้งแรกของฉันผ่านไปด้วยดี ถ้าพูดให้ถูกมันต้องเป็นเกือบดีต่างหาก ช่ายเกือบดีถ้าตอนกลับฉันไม่ต้องมาเจอกับนายนักเลงเสาไฟฟ้านั้น

              เช้าอันมืดหม่นของฉันเริ่มขึ้นอีกครั้ง ฉันนั่งสับปะงกบนรถเมล์เที่ยวแรกของฉัน (เพราะถ้าช้ากว่านี้ ฉันจะไปถึงโรงเรียนสาย และลอกการบ้านไม่ทัน =O= ทองดำ)(กำ….แกไปเรียนเพื่ออะไระเนี่ย ไอ้ดำ -_-^--กะหล่ำ)

              ซึ่งฉันพูดได้คำเดียวว่ามัน โค-ต-ร เช้ามากๆสำหรับผู้หญิงชื่อดำอย่างฉัน บรรดานักเรียนค่อยๆทยอยขึ้นรถมากขึ้นจากตอนแรก จนทำให้ฉันต้องเลิกนั่งสับปะงกเปลี่ยนมาเป็นนั่งมองวิวยามเช้าที่ฉันไม่พึงปรารถนานี่แทน

              “อ๊ะ!!! นั้นมันนายเสาไฟฟ้านิ” สายตาของฉันเหลือบไปเห็นนายเสาไฟฟ้า ซึ่งแน่นอนว่าสังเกตง่ายมากๆ และยิ่งมั่นใจขึ้นทันที กับเสียงที่ดังมาตามเจ้าตัว

              “เฮ้ย!!!เร็วโว้ย!!!คนอื่นเขารอพวกมรึงเห็นไหมเนี่ย” โฮะ โฮะ ตรงเผ่ง นายเสาไฟฟ้าจริงๆด้วย หมอนั้นรีบต้อนเพื่อนของตัวเอง ที่ดูเหมือนจะมีอาการเหมือนฉันเลยแฮะ คือสะลึมสะลือเหมือนละเมอมาขึ้นรถเมล์อ่ะ ^^

               และแล้ววันนั้นก็เป็นอีกวันที่ฉันดำเนินชีวิตเรียบๆ ของฉันไปอย่างปกติ ฉันยังคงนั่งรถเมล์ไปโรงเรียน และต้องตื่นแต่เช้า อย่างที่ฉันไม่ชอบเหมือนเคย อ้อ!!!! และฉันทุกวันที่ฉันขึ้นรถเมล์ฉันก็มักจะเจอนายเสาไฟฟ้าเสมอ อ๊ะ!!แต่มันก็ไม่เห็นแปลกอะไรสินะ เพราะบ้านฉันกับนายเสาไฟฟ้านั้นอยู่ละแวกเดียวกัน มันเป็นเรื่องธรรมดาม๊ากมากที่ฉันและเขาจะเจอกันประจำ

              ถ้าจะมีเรื่องแปลกก็คงเป็นฉันนั้นแหละที่แปลก ทุกวันที่ฉันต้องขึ้นรถเมล์เป็นต้องมองหานายเสาไฟฟ้านั้นที่ท่ารถไม่ได้ และมันก็เจอทุกวันเสียด้วยซิ บางทีฉันก็อดที่จะแอบฟังพวกนายเสาไฟฟ้าคุยกันไม่ได้ จนบางครั้งฉันถึงขนาดเป็นห่วงเป็นใยเวลาฉันบังเอิ๊ญบังเอิญได้ยินนายเสาไฟฟ้านั้นคุยกับเพื่อนว่าไปมีเรื่องกับใคร ยังไงมา แต่สิ่งที่ทำให้ฉันโมโหตัวเองที่สุดก็คือ ตอนที่นายเสาไฟฟ้านั้นนั่งจีบสาวๆบนรถ จนหวานซะฉันอดหมั่นไหส้ไม่ได้อย่างไม่มีเหตุผล และรู้สึกว่านัยน์ตาฉันร้อนพล่าวยังไงไม่รู้ โอ้ยยยยย >< นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับฉันเนี่ย ฉันไม่เคยรู้จักนายนี่ซะหน่อย ฉันจะไปหึงเค้าทำม้าาาาาาาาาย

              “ฝันดีนะครับ คนดี^__^” อ๊ะ !!! เสียงหมอนั้นกล่าวลาก่อนลงจากรถ เฮอะ เฮอะ แต่ไม่ได้ให้ฉันหรอกค่ะ โน้น ให้ผู้หญิงหน้าหวานที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับฉันต่างหาก เจ้าหล่อนยิ้มเขิลเมื่อเห็นนัยน์ตาสีน้ำตาลนั้นส่งสายตาหวานเยิ้มมาให้ เฮ้ย!!! แล้วฉันจะไปเขิลกับนายนั้นทำไมเนี่ย ไปหลบหน้าหลบตาเค้าทำไม เค้าไม่ได้มองแกซักหน่อยยายทองดำ เย็นไว้ โว้ย!!!!!>O<

              “แฮ้ก! แฮ้ก! อ้ากกกกก O.oไม่ทันแล้ว ไม่ทันแล้ว” ฉันวิ่งหน้าตาตื่น ก็จะไม่ให้หน้าตาตื่นได้ไงเล่า ถ้าฉันช้าไปซักวินาทีเดียวฉันอาจตกรถได้เลยน้าาา ว้ากกกกก อย่าเพิ่งปาาาาย……..OoO

              “ฟู่~.~เกือบไม่ทัน ไม่น่าเที่ยวเพลินกับยายพรเลยฉัน” ฉันบ่นพึมพำคนเดียว หลังจากที่ก้าว (อ๊ะ!!!ต้องเรียกว่ากระโจนมากกว่า)ขึ้นรถมาได้อย่างฉิวเฉียด นี่ยังดีที่เป็นเที่ยวสุดท้าย ทำให้ยังพอมีที่นั่งให้ฉันได้พักให้หายเหนื่อย หลังจากที่ต้องวิ่งมาราธอนมาที่ท่ารถนี่ ฉันเลือกที่นั่งในสุดเพราะไม่อยากสุงสิงกับใคร (คือความจริงก็ไม่มีใครมาสุงสิงด้วยหรอก แต่อยากนั่งข้างในเพราะมันพิงสบายดี แถมสงบ หลับสบายดี ฮิ ฮิ ^^)

              ฉันมองไปรอบๆรถนิดหนึ่ง (คือสำรวจนิดหน่อยว่าคนแถวบ้านตัวเองหรือเปล่า เผื่อขึ้นรถผิดคนอ่ะ +.+) แต่……สายตาของฉันก็เหลือบไปเห็นเสาไฟฟ้าทันที โอ้ววววว 0.0 ฉันขึ้นรถถูกคันแน่นอน เพราะหมอนี่ขึ้นด้วย อ๊ะ!!!ว่าแต่ทำไมวันนี้นายเสาไฟฟ้าดูแปลกแฮะ ปกติจะเฮฮาปาร์ตี้ ไปไหนก็มีพวกฝูงเพื่อนรายล้อม แต่ทำวันนี้นายเสาไฟฟ้ามันดูเงียบพิกลแฮะ แถมยังนั่งคนเดียวอีก เอ…….หรือว่าเพื่อนไม่คบแล้ววะนั้น

              “ช่างเถอะ” ฉันเลิกสนใจ ก้มหน้าเปิดกระเป๋าของตัวเอง พลางคว้าเอาหนังสือนิยายรักหวานซึงขึ้นมาอ่าน ฮิ ฮิ ก็เพราะไอ้เล่มนี่แหละที่ทำให้ฉันเกือบตกรถ มัวแต่เลือกว่าจะซื้อเล่มไหนดี เลยลืมดูเวลาไปซะชิบ -_-^ อย่างนี้ต้องอ่านให้คุ้ม ฮุ ฮุ ^O^

              “นี่….. นี่…..” หง่ะ….เสียงใครฟ่ะ ขัดขวางความสุขคนอื่นเค้า เมินซะเถอะว่าฉันจะสน อ่านต่อดีกว่า กำลังมันเลย ฮุ ฮุ พระเอก นางเอก จะ……กันแล้ว ^0^(แกอ่านเรื่องอะไรเนี่ย….=_=)

              “นี่!!!!ฉันเรียกเธอนะ” คราวนี้ไม่ใช้แค่เรียกแฮะ เพราะมือใหญ่ของใครคนหนึ่งคว้าเนคไทค์ที่คอฉันให้หันไปตามแรงดึง

              เฮ้ย!!!!เนคไทค์ฉันเบี้ยวแย้ว ไม่รู้รึไงว่ะกว่าฉันจะผูกให้มันดีได้น่ะมันนานแค่ไหน นี่ฉันไม่เคยแกะมันเลยนะ >< ฮึ้ย!!! ไอ้เสาไฟฟ้า

              ฉันล่ะสายตาจากหนังสือของฉันอย่างเสียอารมณ์ ชิ่ง!! -_-^ นั้นคือเสียงสายตาของฉันที่มองนายเสาไฟฟ้าค่ะ แต่พอได้สบตาของนายเสาไฟฟ้า ทำไมหัวใจของฉันมันกลับเต้นรัวได้ล่ะเนี่ย >,<โอ้วววว ม่าาาาย นี่มันเกิดอะไรกันฉันเนี่ย!!!!!!! >O<

              “นี่เธอชื่ออะไรเหรอ” นายเสาไฟฟ้าไม่สนใจสายตาไม่พอใจของฉัน แต่ส่งยิ้มหวาน ที่สามารถละลายหัวใจบรรดาสาวๆ ให้ไปกองอยู่กับพื้นมาให้ฉันแทน และแน่นอนฉันก็เป็นผู้หญิงนะย่ะ หัวใจของฉันมันก็เลยแทบละลายไปด้วยไงล่ะ ^_^

              แต่ แต่ ฉันไม่ตอบ ฉันยังคงพยายาม ขอย้ำนะว่า พยายาม ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือที่ฉันเคยคิดว่ามันน่าอ่านที่สุด ทั้งๆ ที่ตอนนี้ฉันแทบจะอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องเลยด้วยซ้ำ ในเมื่อหัวใจของฉันมันลิงโลด ดีใจแทบบ้าที่วันนี้นายเสาไฟฟ้ามาชวนฉันคุย แต่ไม่ได้ ไม่ได้ (>< )( ><)(>< )ฉันต้องสงวนท่าทีความเป็นกุลสตรีไว้ ไม่คุยกับคนแปลกหน้าเด็ดขาด ยังไงยังไงนายเสาไฟฟ้าก็แค่ถามเล่นๆไม่ได้สนใจฉันหรอก นั้นคือสิ่งที่ฉันเตือนตัวเองตลอดเวลา

              “นิลสุวรรณ ร้อยมาลา….” เฮอะ เฮอะ นั้นไม่ใช่เสียงฉันหรอกนะ แต่เป็นเสียงของนายเสาไฟฟ้าต่างหาก ในเมื่อฉันไม่บอกชื่อ เขาก็เลือกที่จะรู้เอง และมันก็ง่ายมากๆ ที่เขาจะรู้ชื่อของฉัน ก็แหมมมมมม -_-“ ก็ที่หน้าอกเสื้อฉันมีชื่อฉันปักหลาอยู่นี่หน่า แต่………แต่ถ้านายเสาไฟฟ้าแค่ดูชื่อเฉยๆฉันจะไม่ว่าเลยนะ ไม่ใช้เอื้อมมือมาจับเสื้อตรงชื่อของฉันเพื่อใจได้อ่านชื่อฉันได้ง่ายๆ

              ฉันหน้าแดงก่ำ ทั้งโกรธ ทั้งอาย ระคนกันไปหมด ก็จะไม่ให้โกรธให้อายได้ไงเล่า แง๊~~~มือนายจะโดนหน้าอกฉันแล้วนะโว้ย!!!!!TOT นั้นเป็นคำโวยวายที่ทำได้เพียงแค่ในใจเท่านั้น สิ่งที่ฉันทำจริงๆคือเงียบ เงียบ และก็เงียบ เพราะพูดไม่ออกกับหน้าที่แดงจนมะเขือเทศยังอายฉันเลย โฮ่……. โฮ่……. TOT

              “ชื่อแปลกดีเนอะ” หมอนั้นยิ้มทะเล้นให้ฉัน แต่ฉันรู้ว่านายเสาไฟฟ้านั้นพยายามกลั้นหัวเราะมากกว่า

              “แล้วมีชื่อเล่นล่ะมีไหม” นายเสาไฟฟ้าพยายามทำส่งยิ้มหวาน ที่ฉันขอเรียกว่ายิ้มเสน่ห์มาให้ฉัน

              “ทองดำ” คำตอบของฉันสั้นๆ แต่เรียกเสียงฮ่า ของนายเสาไฟฟ้าได้ดีจริงๆ

              “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ชื่อแปลกจริงด้วย ทองดำ ทองดำ” นายเสาไฟฟ้าหัวเราะอย่างไม่เกรงใจใครอีกแล้ว คนบนรถต่างหันมามองเราสองคนอย่างสงสัย และรำคาญนายเสาไฟฟ้าไปในตัว ขณะที่ฉันแทบอยากจะเอาหน้างามๆของตัวเองหมุดพื้นรถเมล์หายไปซะเดี๋ยวนี้ ฮือ….ฮือ…..ไอ้เสาไฟฟ้าบ้า ฉันอายคนเค้านะยะ YOY ดีนะที่คนไม่เยอะเท่าไหร่ ไม่งั้นฉันคงแทบจะกระโดนลงรถเป็นจาพนมไปแล้ว โฮ่~~~โฮ่~~~ TvT

              ชิ้ง!!! -_-^ เสียงสายตาของฉันส่งไปให้ไอ้เสาไฟฟ้า(รอบที่สอง) หมอนั้นรีบสงบปากสงบได้ในที่สุด เมื่อเจอสายตาพิฆาตมารของฉัน ความจริงฉันไม่ได้โกรธเขาเลยที่มาหัวเราะชื่อฉัน (ใครได้ยินเขาก็หัวเราะทั้งนั้นแหละ -__-) แถมฉันออกจะชอบชื่อนี่ซะอีก ^^ ก็เพราะไอ้ความแปลกนี่แหละที่ทำให้ฉันชอบและไม่ทุกข์ไม่ร้อนถ้าจะมีใครมาล้อชื่อฉัน แต่ที่ฉันโกรธนายเสาไฟฟ้านั้นก็เพราะ ไอ้การหัวเราะบ้าบอของหมอนั้นที่ไม่เกรงใจใครเขาเลยนั้นแหละที่ทำให้ฉันรำคาญ =_=^

               “หง่าาาาาาา ฉันขอโทษ แบบว่า ไม่ได้ตั้งใจน่ะ นะ อย่าโกรธฉันเลยนะ นะ นะ“ แต่ฉันยังคงหน้าบึ้งต่อไป ทั้งๆ ที่ใจจริงฉันอยากจะหัวเราะใจแทบขาด ฮ่า ฮ่า ^O^นายเสาไฟฟ้าหน้านายตลกชะมัด ยังกะลูกหมาขอขนมแนะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า เหมือนจะน่าสงสารแฮะ ^o^

              “เอางี้ล่ะกัน เพื่อกันการขอโทษ…..ฉันยอมเป็นแฟนเธอเพื่อไถ่โทษเลยไหม” น้าน~_~ ดูข้อเสนอของนายเสาไฟฟ้านั้นสิ คิดได้ไงน่ะ -_-^ เป็นข้อเสนอที่หน้าสนใจมั๊กมาก เฮ้ย!!!!ใช่ที่ไหนกันเล่า แฮะ แฮะ ลืมตัว-_-‘

               “ไม่ล่ะ…..ฉันไม่คบกับคนแปลกหน้า” ฉันพยายามเชิดหน้า เมินข้อเสนอนั้นซะ ประมาณว่าเล่นตัวนั้นแหละ :p ทั้งๆที่ความจริงน้ำหน้าอย่างฉันนี่ก็ไม่มีใครเขาอยากเป็นแฟนด้วยหรอกนะ อ๊ะ!! แต่เรื่องไรฉันจะต้องไปคบกับคนที่ฉันไม่รู้จักด้วย แถมเพิ่งรู้จักกัน ฉันก็เป็นกุลสตรีไทยนะยะ >o<

              “โธ่……..กระผมเป็นคนแปลกหน้าที่ไหน คุณผู้หญิงเห็นหน้ากระผมทุกวัน ยังจะเรียกว่าแปลกหน้าอีกหรือครับคุณผู้หญิง ^--^”

              “แต่ฉันไม่รู้นิว่านายชื่ออะไร เป็นใคร หรือมาจากไหน ฉะนั้นก็ถือว่าเป็นคนแปลกหน้าได้” ถูกไหมล่ะคะผู้อ่าน ก็ฉันไม่รู้จักนายนั้นจริงๆนิ รู้อย่างเดียวว่าบ้านอยู่แถวเดียวกัน เพราะไม่งั้นก็คงไม่ขึ้นรถสายเดียวกันมาหรอก -_-“

              “อ๊ะ!!! พูดอย่างนี้แปลว่าอยากรู้จักผมแล้วล่ะซิท่า ^--^” เชอะ!!! ดันรู้ทัน เอ้ย!!!!ไม่ใช่ ฉันไม่ได้อยากรู้ซะหน่อย…จริง จริง นะ จริ๊ง จริ๊ง เชื่อเค้าเตอะ ><

             “เชอะ!!!เปล่าซักหน่อย” (แนะ!!! ยังมีหน้ามาปฏิเสธอีกนะ ยายดำเอ๊ยยยยยย----กะหล่ำ)

              “ฮึ……แน่จายนะว่าไม่อยากรู้จักกระผมคนนี้ แต่กระผมเห็นนะครับ คุณผู้หญิงน่ะแอบมองกระผมทุกวัยเลย ฮิ ฮิ”

              เฮ้ย!!!!! รู้ได้ไงฟ่ะ O.o นี่ฉันแอบมองแล้วนะเฟ้ยยย (ยังมีหน้ามาเถียงอีกเหรอ ---- )

              “คราย…ครายแอบมองนายที่ไหนไม่ทราบ ไม่มี๊ คร๊าย” (แต่เสียงที่แกปฏิเสธนี่มันพิรุธเต็มๆเลยนะนั้นยายดำ ---- กะหล่ำ)

              “ฮึ!!! ไม่มีก็ไม่มี ว่าแต่ไม่อยากรู้จักผมจริงๆเหรอ ^^”

            (-_- )( -_-)(-_- )( -_-) ในคือสิ่งที่ฉันแสดงออก แต่ในใจนะเหรอ (^o^)( _ _ )(^o^)( _ _ ) อยากรู้จักมั๊ก มาก ค่าาาาาาา (ไม่ค่อยเลยนะแก -- กะหล่ำ)

              “หง่ะ….แต่ไม่เป็นไร ผมอยากจะบอก กระผมนายขรรค์เงิน นาควิจิตร ครับกระผม” นายเสาไฟฟ้า เอ้ย!!! ไม่ใช่ดิ ต้องเป็นนายขรรค์เงินซินะ ทำท่าตะแบะ ยังกับทหาร หล่อตายล่ะ แต่ก็น่ารักดีแฮะ >.< (ตกลงแกจะเอายังไงกันแน่เนี่ย…..)

              “เออ…..” ทำหน้าซังกระตาย แต่ความจริงคือ กรี๊ด!!!!!! ยินดีที่ได้รู้จักค้าาาาาาา (เฮอะ เฮอะ สองหน้าจริงๆ ยายคนนี้นี่ =_=)

              “แค่เนี้ย….เนี้ยเหรอคำทักทายของเธอ ไม่คิดจะทำความรู้จักใครเลยหรือไงฮะ” นายขรรค์เงิน (รู้จักชื่อซักที) หันมาตะคอกฉัน สีหน้าผิดหวังนิดๆ (อะไรกันวะ เรื่องมากจริง -_-^)(แต่ฉันว่าแกมารยาททรามมากว่ะ -- กะหล่ำ)

              “ฮึ้ย!!!! ค้าาาาา ฉันนางสาวนิลสุวรรณ ร้อยมาลา ยินดีที่ได้รู้จักคุณขรรค์เงิน นาควิจิตร มากมากเลยค้าาาาา ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะค้าาาาา” ฉันตอบกลับยังกับท่องมา พร้อมฉีกยิ้มเหมือนดีใจซะเต็มประดา (ความจริงก็คือดีใจน่ะแหละ แต่อยากแกล้งนายนั้นเล่น^.^)

              “อ๊ะ!!!! ฝากเนื้อฝากตัวเลยเหรอ ฮึ ฮึ……เดี๋ยวฉันก็เก็บไว้ดูเล่นซะหรอก” นายขรรค์เงินทำท่าหื่นใส่ฉัน (นี่นายคิดอะไรอยู่เนี่ย -_-“)

              “นายเคยตายไหม……” ฉันทำหน้าเหมือนฆาตกรโรคจิต (ทั้งๆที่โรคจิตอยู่แล้ว)

              “ฮ่า…ฮ่า…ก็ถ้าตายด้วยมือเธอฉันยอมนะ ^^” นายขรรค์เงินยกมือฉันขึ้นมาจับ กรี๊ด!!!!!!มีคนจับมือฉันด้วยค้าาาาาาา (นี่ตกลงแกดีใจใช่ไหม่เนี่ย……)

              “นี่…..นาย……” พูดอะไรไม่ออกค่ะ มันอัดอั้นตันใจ ><

              “อ๊ะ….ถึงบ้านเธอแล้ว… จะไม่ลงเหรอ……”นายขรรค์เงินทำหน้าอ้อน ^^

      เฮ้ย!!!!นี่ฉันนั่งคุยกับนายขรรค์เงินจนลืมเลยเรอะเนี่ยว่าตอนนี้รถมาจอดหน้าบ้านฉันแล้ว เอ๋!!!ถ้าถึงบ้านฉันแล้ว แล้วนายขรรค์เงินล่ะ บ้านนายถึงก่อนฉันไม่ใช่เหรอ……

              “ฮ่ะ ฮ่ะ ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวรถเค้าก็วนกลับไปเองหรอก เธอรีบเข้าบ้านเถอะ วันนี้ฉันมาส่ง^^”

              “อือ…อืม…..บ๊ายบาย”

              “คร้าบผม พรุ่งนี้เจอกัน จะเจอเธอทุกวันเลย^-^”

      ……………………………

      ………………….

      …………

      …….

      .

      ค่ะนั้นคือจุดเริ่มต้นของเราสองคนค่ะ แต่ต่อไปมันจะเป็นยังไงนั้น ฉันเองก็ไม่สามารถบอกผู้อ่านได้หรอกค่ะ คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วล่ะค่ะ

              ฉัน “ทองดำ” ผู้หญิงตาดำๆ ธรรมดาคนหนึ่งบนโลกอันกว้างใหญ่ใบนี้(เวอร์ไปไหมเนี่ย) ฉันเป็นผู้หญิงที่จะบอกว่าสวยก็คงพูดได้ไม่เต็มปาก ครั้นจะบอกว่าตัวเองขี้เหร่ก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองขี้เหร่สักที(งั้นก็แปลว่าแกหลงตัวเองไง^O^ -- กะหล่ำ) และฉันก็เป็นมนุษย์(ก็แน่ซิ-รึแกไม่ใช่ล่ะ -__-^)ที่เรียกได้ว่าไร้เสน่ห์อย่างไม่ต้องพูดถึงอีกด้วย ตลอดระยะเวลา 18 ปีที่ลืมตาดูโลกมาคำว่า ‘แฟน’ ไม่เคยอยู่ในหัวฉันเลยซักนิด(พูดง่ายๆ คือไม่เคยมีไงล่ะ) และก็เพราะว่าฉันเป็นคนที่ไร้เสน่ห์อย่างถึงที่สุด เลยทำให้ฉันเป็นพวกรักเขาอยู่ข้างเดียว ไม่มีชายใดมาเหลียวแล (โถ โถ น่าสงสาร TTOTT สงสารฉันเองอ่ะที่เหมือนแก --- กะหล่ำ)

               และครั้งนี้ก็เช่นกัน เหมือนฟ้าสั่งให้ฉันต้องรักเขาข้างเดียว เหตุการณ์อย่างนี้เลยต้องเกิดอีกครั้ง หลังจากที่ฉันเพิ่งอกหักจากรุ่นพี่ที่จบไปแล้วด้วยเหตุผลเดิมๆ ที่ไม่อยากพูดถึง(แต่ฉันจะพูด ก็แอบรักเขาไง ^_^กะหล่ำ หรือ ว่าพี่เค้าเป็นเกย์วะ -_-“) แต่ความรักของฉันครั้งนี้มันต่างจากทุกครั้งจากที่ผ่านมา และเพราะเขา เขาคนนั้นที่เข้ามาในชีวิตฉัน ให้หลุดจากคำว่า ‘แอบรัก’ มาเป็น ‘เรารักกัน’ ซะที ^O^

               เรื่องราวควารักของฉัน มันเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว(เออ…มันเกี่ยวกันตรงไหนฟ่ะเนี่ย =_= --กะหล่ำ) (เออเด่ะ -_-^บอกว่าเกี่ยวก็เกี่ยวซิฟ่ะ--ทองดำ) ก็เพราะราคาน้ำมันมันขึ้นนี่แหละที่ทำให้ชีวิตฉันต้องเปลี่ยนไป(เวอร์อีกและ--กะหล่ำ)

              “วรรณ….ต่อไปนี้หนูต้องขึ้นรถเมล์แล้วนะลูก” ประโยคเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง(ไปไกลแล้วนะแก--กะหล่ำ)

              แม่ฉันชอบเรียกฉันว่า ‘วรรณ’ จากชื่อจริงของฉัน ‘นิลสุวรรณ’ เพราะท่านไม่ชอบชื่อ ‘ทองดำ’ ซะเท่าไหร่(แล้วตั้งทำไมว่ะ~~--กะหล่ำ) เพียงแต่คุณยายของฉันยื่นคำขาดว่าจะตั้งชื่อให้ฉันว่า ‘ทองดำ’ (มงคลจริงๆ) เป็นการแก้เคล็ด เพราะเมื่อตอนฉันเกิด ตัวฉันดำม๊ากมาก คุณยายเลยตั้งชื่อแก้เคล็ดมันเสียเลย และวิธีของคุณยายนี่แหละทำให้ตอนนี้ฉันขาวซะจนเพื่อนมันหาว่าฉันเป็นจิ้งจำไม่เจอแดด เพราะขาวจนซีดอย่างน่าเวทนา (ได้ผลดีเกินคาดแฮะ….ท่าทางฉันต้องเอามั้ง เพื่อว่าจะขาวกะเขาบ้าง^_^--กะหล่ำ)

               ฉันมองแม่หน้ายุ่ง ถึงแม้ว่าบ้านฉันมันจะขึ้นชื่อว่า อำเภอเมือง แต่ระยะทางมันก็เกือบสุดขอบอำเภออยู่ร่อมร่อ แถมโรงเรียนฉันก็ดันอยู่อีกขอบอำเภอเมืองอีกด้านอีกต่างหาก ฉะนั้นการขึ้นรถเมล์จึงเป็นเรื่องที่ฉันไม่ชอบใจมากทีเดียว

               ถึงแม้ว่าความจริง การเดินทางในจังหวัดสุพรรณบ้านเกิดเมืองนอนของฉัน จะไม่ได้วุ่นวายเหมือนในกรุงเทพเมืองหลวงก็เถอะ และก็ไม่ถึงกับลำบากมากมายนักหนาอะไรก็ตาม(ในความคิดของแม่แต่ไม่ใช้ความคิดของฉันแน่นอน---ทองดำ) แต่การที่ฉันต้องตื่นเช้ากว่าเดิมถึง 1 ชั่วโมง ก็เป็นเรื่องใหญ่สำหรับฉันมาก (ที่แท้แกก็ขี้เกียจตื่นนี่เองยายทองดำ--กะหล่ำ)

               “ไม่ต้องมาเถียง ค้าน ไม่พอใจ ขอร้อง หรืออะไรทั้งสิ้น ยังไงๆ แกก็ต้องขึ้นรถเมล์” แม่พูดก่อนจะเดินจากไปทิ้งไว้แต่ความสิ้นหวังของเด็กน้อยชื่อดำๆ คนนี้ (ฟังเหมือนรันทดนะแก =O=)

              และในเมื่อคำบัญชาของท่านแม่ลงมาเยี่ยงนี้ จึงต้องปฏิบัติตามอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง และตอนนี้ฉันก็กำลังนั่งรถกลับบ้าน หลักจากที่เมื่อตอนเช้าของการไปโรงเรียนของฉันโดยรถเมล์ตามที่ท่านแม่ต้องการลุล่วงไปด้วยดีแล้ว ตอนขากลับบ้านมันก็ดันมีปัญหาจนได้ เมื่อฝนราชการมันดันตก จนฉันต้องวิ่งหนี่ฝนแทบตายเพราะกลัวจะเปียก และขึ้นรถหลบฝนได้อย่างหวุดหวิด

               รถเมล์สายบ้านฉันแท้จริงแล้วมันก็คือรถกระบะธรรมดา ที่ถูกปรับเสริมเติมแต่งจนมีหลังคา มีที่นั่งให้ผู้โดยสาร แถมทั้งที่พักเข้าที่ท้ายกระบะไว้สำหรับพวกชอบโหนและยามไม่มีที่นั่ง

              “เฮ้ย!!!รอด้วย…โว้ย!!!!!” เสียงเรียกจากเด็กนักเรียนกลุ่มหนุ่งตะโกนไล่หลังรถที่กำลังเคลื่อนตัวออกจากท่า(และคนทั้งคนรถ)หันไปมองตามเสียงกลางสายฝนทันที กลุ่มนักเรียนในชุดชอพสีเทา ที่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นสถาบันไหน(แล้วมันสถาบันไหนอ่ะ--กะหล่ำ)

               “อ๋อ…..ที่แท้ก็เด็กโรงเรียนช่างกล(รู้แล้วใช่มะ ยายกะหล่ำปลีหัวโต --- ทองดำ)”ฉันปรารถในใจ หากแค่เพียงเสมองเด็กกลุ่มนั้นผ่านๆ แต่แล้วสายตาเจ้ากรรมของฉันก็ไปสะดุดกับคนคนหนึ่งเข้า หมอนั้นเป็นหนึ่งในกลุ่มและดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่มเสียด้วย ใบหน้าขาวใสเนียน นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มคู่โตส่อเค้าความขี้เล่น แต่บางทีก็ส่อความเป็นคนเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ถึงแม้ว่าหมอนั้นจะไม่ใช่คนหล่อเหลาอย่างที่สาวเห็นต้องกรี๊ดสลบ แต่นั้นกลับเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ฉันรู้สึกสะดุดตา(และสะดุดใจ)ในตัวเขาอย่างบอกไม่ถูกเลยที่เดียว(โฮ่~~นี่ขนาดแกมองผ่านๆนะเนี่ย O.O-- กะหล่ำ)

              “เอ…หรือว่าจะเป็นเพราะความสูงของหมอนั้นนะ” ฉันคิดเรื่อยเปื่อยเพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับนายคนนี้ ที่ทำให้ฉันไม่อาจถอนสายตาจากเขาได้เลย (เพราะแกหื่นกามอ่ะดิ =_= --- กะหล่ำ) (เปล่าซะกะหน่อย เพราะฉันชอบผู้ชายสูงต่างหากย่ะ *U* ทองดำ )

               และเหมือนว่าเจ้าหนุ่มตัวสูง (ตามสเป๊กฉัน ^__^) จะรู้ตัวว่ามีคนมองตัวเองอยู่ พี่แกเลยจ้องตอบอย่างไม่เกรงกลัว ร้อนจนคนเริ่มจ้องต้องรีบเบนสายตาแทบไม่ทัน ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องมันไม่จบแค่นั้นนะซิ

              “เหยิบหน่อย..”นายเสาไฟฟ้า (เอาเป็นว่าฉันเรียกหมอนั้นว่า นายเสาไฟฟ้าล่ะกัน เพราะมันสูงดี ^_^)สั่งฉันเสียงห้วน ถึงแม้น้ำเสียงจะไม่ได้ดุเท่าไหร่นัก แต่คนอย่างฉันที่เป็นพวกอ่อนไหวง่ายอยู่แล้ว (แกแน่ใจนะยายทองดำว่าแกเซ็นเซอร์ทีฟ---กะหล่ำ)อดไม่ได้ที่จะกลัวนายเสาไฟฟ้านั้นอยู่นิดๆ และแน่นอนว่าฉันต้องทำตามที่นายเสาไฟฟ้าว่า คือเขยิบให้เขานั่งตามมารยาทอย่างเสียไม่ได้(โฮะ โฮะ มีหนุ่มในสเป็กมานั่งข้างๆ ใครไม่ยอมก็บ้าแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า ^O^) และเพราะที่นั่งมันแคบแสนแคบแถมนายเสาไฟฟ้ายังตัวใหญ่อีกต่างหาก ทำให้ไอ้เสื้อที่เปียกจากการที่เขาวิ่งตากฝนมันมาเผยแผ่ความเปียกมาให้ฉันผู้นั่งข้างๆเปียกฝนไปด้วย

              รถเมล์ค่อยๆแล่นไปเรื่อยๆ และฉันก็ยังคงเลือกที่จะมองวิวทิวทัศน์ที่มีแต่เม็ดฝนมากกว่าบรรยากาศในรถเมล์คนเล็กคนนี้ พยายามไม่สนใจบทสนทนาของพวกของนายเสาไฟฟ้าให้มากนัก

              “เฮ้ย!!!วันนี้ไอ้โต้งมันไปมีเรื่องกับคู่อริมันว่า กรูเลยต้องไปช่วยมันหน่อย เล่นเอากรูเกือบแย่ว่ะ” หนึ่งในบทสนทนาของนายเสาไฟฟ้าโม้กับพวกของตัว ซึ่งมันก็ไม่พ้นเรื่องชกต่อย มีเรื่องกับร.รคู่อริ และอีกหลายเรื่อง ซึ่งล้วนเป็นเรื่องที่ฉันไม่ชอบทั้งนั้น (แต่ก็พยายามเสนอหน้าไปดูเวลาเค้ามีเรื่องกันอ่ะนะ ^^--ทองดำ)(แล้วแกบอกว่าแกไม่ชอบนี่นะไอ้ดำ  -_-^---กะหล่ำ) ไม่เพียงแค่นายเสาไฟฟ้าจะคุยโม้เท่านั้น พี่แกยังหันไปจีบสาวบนรถเมล์อีกต่างหาก(แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นไม่มีฉันอยู่ด้วย --- น่าเศร้าไหมล่ะ T^T)(ม่ายอ่ะ (=_= )( =_=)(=_= )--กะหล่ำ)

              “ฮึ พวกนักเลง แถมหน้าหม้อ อีกต่างหาก” ฉันคิดอย่างหมั่นไส้ น่าหงุดหงิดชะมัดที่ฉันดันไปปิ๊งนายเสาไฟฟ้านั้นได้ยังไง คงเป็นแค่ความสูงกับหน้าตาที่สะดุดใจฉันล่ะมั้ง ที่ทำให้ฉันหลงผิดเพียงชั่วครู่

              ในที่สุดรถเมล์คนน้อยของฉันก็ไปจอดหน้าหมู่บ้านใกล้บ้านฉันก่อน นายเสาไฟฟ้าและพวกพ้องของตัวเองกรูกันลงจากรถกันหมดรวมไปถึงเด็กบนรถบางคนด้วย(นั้นทำให้เหลือคนบนรถไม่กี่คน) หมอนั้นเดินหน้าเลิศหน้าลอยลงจากรถไปทิ้งไว้แต่รอยเปียกชื่นจากสายฝนเท่านั้นที่ทิ้งไว้ให้ฉันดูต่างหน้า (โฮ่ โฮ่ ให้มันได้อย่างนี้ซินายเสาไฟฟ้าาาาา T^T)

              การเดินทางด้วยรถเมล์ครั้งแรกของฉันผ่านไปด้วยดี ถ้าพูดให้ถูกมันต้องเป็นเกือบดีต่างหาก ช่ายเกือบดีถ้าตอนกลับฉันไม่ต้องมาเจอกับนายนักเลงเสาไฟฟ้านั้น

              เช้าอันมืดหม่นของฉันเริ่มขึ้นอีกครั้ง ฉันนั่งสับปะงกบนรถเมล์เที่ยวแรกของฉัน (เพราะถ้าช้ากว่านี้ ฉันจะไปถึงโรงเรียนสาย และลอกการบ้านไม่ทัน =O= ทองดำ)(กำ….แกไปเรียนเพื่ออะไระเนี่ย ไอ้ดำ -_-^--กะหล่ำ)

              ซึ่งฉันพูดได้คำเดียวว่ามัน โค-ต-ร เช้ามากๆสำหรับผู้หญิงชื่อดำอย่างฉัน บรรดานักเรียนค่อยๆทยอยขึ้นรถมากขึ้นจากตอนแรก จนทำให้ฉันต้องเลิกนั่งสับปะงกเปลี่ยนมาเป็นนั่งมองวิวยามเช้าที่ฉันไม่พึงปรารถนานี่แทน

              “อ๊ะ!!! นั้นมันนายเสาไฟฟ้านิ” สายตาของฉันเหลือบไปเห็นนายเสาไฟฟ้า ซึ่งแน่นอนว่าสังเกตง่ายมากๆ และยิ่งมั่นใจขึ้นทันที กับเสียงที่ดังมาตามเจ้าตัว

              “เฮ้ย!!!เร็วโว้ย!!!คนอื่นเขารอพวกมรึงเห็นไหมเนี่ย” โฮะ โฮะ ตรงเผ่ง นายเสาไฟฟ้าจริงๆด้วย หมอนั้นรีบต้อนเพื่อนของตัวเอง ที่ดูเหมือนจะมีอาการเหมือนฉันเลยแฮะ คือสะลึมสะลือเหมือนละเมอมาขึ้นรถเมล์อ่ะ ^^

               และแล้ววันนั้นก็เป็นอีกวันที่ฉันดำเนินชีวิตเรียบๆ ของฉันไปอย่างปกติ ฉันยังคงนั่งรถเมล์ไปโรงเรียน และต้องตื่นแต่เช้า อย่างที่ฉันไม่ชอบเหมือนเคย อ้อ!!!! และฉันทุกวันที่ฉันขึ้นรถเมล์ฉันก็มักจะเจอนายเสาไฟฟ้าเสมอ อ๊ะ!!แต่มันก็ไม่เห็นแปลกอะไรสินะ เพราะบ้านฉันกับนายเสาไฟฟ้านั้นอยู่ละแวกเดียวกัน มันเป็นเรื่องธรรมดาม๊ากมากที่ฉันและเขาจะเจอกันประจำ

              ถ้าจะมีเรื่องแปลกก็คงเป็นฉันนั้นแหละที่แปลก ทุกวันที่ฉันต้องขึ้นรถเมล์เป็นต้องมองหานายเสาไฟฟ้านั้นที่ท่ารถไม่ได้ และมันก็เจอทุกวันเสียด้วยซิ บางทีฉันก็อดที่จะแอบฟังพวกนายเสาไฟฟ้าคุยกันไม่ได้ จนบางครั้งฉันถึงขนาดเป็นห่วงเป็นใยเวลาฉันบังเอิ๊ญบังเอิญได้ยินนายเสาไฟฟ้านั้นคุยกับเพื่อนว่าไปมีเรื่องกับใคร ยังไงมา แต่สิ่งที่ทำให้ฉันโมโหตัวเองที่สุดก็คือ ตอนที่นายเสาไฟฟ้านั้นนั่งจีบสาวๆบนรถ จนหวานซะฉันอดหมั่นไหส้ไม่ได้อย่างไม่มีเหตุผล และรู้สึกว่านัยน์ตาฉันร้อนพล่าวยังไงไม่รู้ โอ้ยยยยย >< นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับฉันเนี่ย ฉันไม่เคยรู้จักนายนี่ซะหน่อย ฉันจะไปหึงเค้าทำม้าาาาาาาาาย

              “ฝันดีนะครับ คนดี^__^” อ๊ะ !!! เสียงหมอนั้นกล่าวลาก่อนลงจากรถ เฮอะ เฮอะ แต่ไม่ได้ให้ฉันหรอกค่ะ โน้น ให้ผู้หญิงหน้าหวานที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับฉันต่างหาก เจ้าหล่อนยิ้มเขิลเมื่อเห็นนัยน์ตาสีน้ำตาลนั้นส่งสายตาหวานเยิ้มมาให้ เฮ้ย!!! แล้วฉันจะไปเขิลกับนายนั้นทำไมเนี่ย ไปหลบหน้าหลบตาเค้าทำไม เค้าไม่ได้มองแกซักหน่อยยายทองดำ เย็นไว้ โว้ย!!!!!>O<

              “แฮ้ก! แฮ้ก! อ้ากกกกก O.oไม่ทันแล้ว ไม่ทันแล้ว” ฉันวิ่งหน้าตาตื่น ก็จะไม่ให้หน้าตาตื่นได้ไงเล่า ถ้าฉันช้าไปซักวินาทีเดียวฉันอาจตกรถได้เลยน้าาา ว้ากกกกก อย่าเพิ่งปาาาาย……..OoO

              “ฟู่~.~เกือบไม่ทัน ไม่น่าเที่ยวเพลินกับยายพรเลยฉัน” ฉันบ่นพึมพำคนเดียว หลังจากที่ก้าว (อ๊ะ!!!ต้องเรียกว่ากระโจนมากกว่า)ขึ้นรถมาได้อย่างฉิวเฉียด นี่ยังดีที่เป็นเที่ยวสุดท้าย ทำให้ยังพอมีที่นั่งให้ฉันได้พักให้หายเหนื่อย หลังจากที่ต้องวิ่งมาราธอนมาที่ท่ารถนี่ ฉันเลือกที่นั่งในสุดเพราะไม่อยากสุงสิงกับใคร (คือความจริงก็ไม่มีใครมาสุงสิงด้วยหรอก แต่อยากนั่งข้างในเพราะมันพิงสบายดี แถมสงบ หลับสบายดี ฮิ ฮิ ^^)

              ฉันมองไปรอบๆรถนิดหนึ่ง (คือสำรวจนิดหน่อยว่าคนแถวบ้านตัวเองหรือเปล่า เผื่อขึ้นรถผิดคนอ่ะ +.+) แต่……สายตาของฉันก็เหลือบไปเห็นเสาไฟฟ้าทันที โอ้ววววว 0.0 ฉันขึ้นรถถูกคันแน่นอน เพราะหมอนี่ขึ้นด้วย อ๊ะ!!!ว่าแต่ทำไมวันนี้นายเสาไฟฟ้าดูแปลกแฮะ ปกติจะเฮฮาปาร์ตี้ ไปไหนก็มีพวกฝูงเพื่อนรายล้อม แต่ทำวันนี้นายเสาไฟฟ้ามันดูเงียบพิกลแฮะ แถมยังนั่งคนเดียวอีก เอ…….หรือว่าเพื่อนไม่คบแล้ววะนั้น

              “ช่างเถอะ” ฉันเลิกสนใจ ก้มหน้าเปิดกระเป๋าของตัวเอง พลางคว้าเอาหนังสือนิยายรักหวานซึงขึ้นมาอ่าน ฮิ ฮิ ก็เพราะไอ้เล่มนี่แหละที่ทำให้ฉันเกือบตกรถ มัวแต่เลือกว่าจะซื้อเล่มไหนดี เลยลืมดูเวลาไปซะชิบ -_-^ อย่างนี้ต้องอ่านให้คุ้ม ฮุ ฮุ ^O^

              “นี่….. นี่…..” หง่ะ….เสียงใครฟ่ะ ขัดขวางความสุขคนอื่นเค้า เมินซะเถอะว่าฉันจะสน อ่านต่อดีกว่า กำลังมันเลย ฮุ ฮุ พระเอก นางเอก จะ……กันแล้ว ^0^(แกอ่านเรื่องอะไรเนี่ย….=_=)

              “นี่!!!!ฉันเรียกเธอนะ” คราวนี้ไม่ใช้แค่เรียกแฮะ เพราะมือใหญ่ของใครคนหนึ่งคว้าเนคไทค์ที่คอฉันให้หันไปตามแรงดึง

              เฮ้ย!!!!เนคไทค์ฉันเบี้ยวแย้ว ไม่รู้รึไงว่ะกว่าฉันจะผูกให้มันดีได้น่ะมันนานแค่ไหน นี่ฉันไม่เคยแกะมันเลยนะ >< ฮึ้ย!!! ไอ้เสาไฟฟ้า

              ฉันล่ะสายตาจากหนังสือของฉันอย่างเสียอารมณ์ ชิ่ง!! -_-^ นั้นคือเสียงสายตาของฉันที่มองนายเสาไฟฟ้าค่ะ แต่พอได้สบตาของนายเสาไฟฟ้า ทำไมหัวใจของฉันมันกลับเต้นรัวได้ล่ะเนี่ย >,<โอ้วววว ม่าาาาย นี่มันเกิดอะไรกันฉันเนี่ย!!!!!!! >O<

              “นี่เธอชื่ออะไรเหรอ” นายเสาไฟฟ้าไม่สนใจสายตาไม่พอใจของฉัน แต่ส่งยิ้มหวาน ที่สามารถละลายหัวใจบรรดาสาวๆ ให้ไปกองอยู่กับพื้นมาให้ฉันแทน และแน่นอนฉันก็เป็นผู้หญิงนะย่ะ หัวใจของฉันมันก็เลยแทบละลายไปด้วยไงล่ะ ^_^

              แต่ แต่ ฉันไม่ตอบ ฉันยังคงพยายาม ขอย้ำนะว่า พยายาม ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือที่ฉันเคยคิดว่ามันน่าอ่านที่สุด ทั้งๆ ที่ตอนนี้ฉันแทบจะอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องเลยด้วยซ้ำ ในเมื่อหัวใจของฉันมันลิงโลด ดีใจแทบบ้าที่วันนี้นายเสาไฟฟ้ามาชวนฉันคุย แต่ไม่ได้ ไม่ได้ (>< )( ><)(>< )ฉันต้องสงวนท่าทีความเป็นกุลสตรีไว้ ไม่คุยกับคนแปลกหน้าเด็ดขาด ยังไงยังไงนายเสาไฟฟ้าก็แค่ถามเล่นๆไม่ได้สนใจฉันหรอก นั้นคือสิ่งที่ฉันเตือนตัวเองตลอดเวลา

              “นิลสุวรรณ ร้อยมาลา….” เฮอะ เฮอะ นั้นไม่ใช่เสียงฉันหรอกนะ แต่เป็นเสียงของนายเสาไฟฟ้าต่างหาก ในเมื่อฉันไม่บอกชื่อ เขาก็เลือกที่จะรู้เอง และมันก็ง่ายมากๆ ที่เขาจะรู้ชื่อของฉัน ก็แหมมมมมม -_-“ ก็ที่หน้าอกเสื้อฉันมีชื่อฉันปักหลาอยู่นี่หน่า แต่………แต่ถ้านายเสาไฟฟ้าแค่ดูชื่อเฉยๆฉันจะไม่ว่าเลยนะ ไม่ใช้เอื้อมมือมาจับเสื้อตรงชื่อของฉันเพื่อใจได้อ่านชื่อฉันได้ง่ายๆ

              ฉันหน้าแดงก่ำ ทั้งโกรธ ทั้งอาย ระคนกันไปหมด ก็จะไม่ให้โกรธให้อายได้ไงเล่า แง๊~~~มือนายจะโดนหน้าอกฉันแล้วนะโว้ย!!!!!TOT นั้นเป็นคำโวยวายที่ทำได้เพียงแค่ในใจเท่านั้น สิ่งที่ฉันทำจริงๆคือเงียบ เงียบ และก็เงียบ เพราะพูดไม่ออกกับหน้าที่แดงจนมะเขือเทศยังอายฉันเลย โฮ่……. โฮ่……. TOT

              “ชื่อแปลกดีเนอะ” หมอนั้นยิ้มทะเล้นให้ฉัน แต่ฉันรู้ว่านายเสาไฟฟ้านั้นพยายามกลั้นหัวเราะมากกว่า

              “แล้วมีชื่อเล่นล่ะมีไหม” นายเสาไฟฟ้าพยายามทำส่งยิ้มหวาน ที่ฉันขอเรียกว่ายิ้มเสน่ห์มาให้ฉัน

              “ทองดำ” คำตอบของฉันสั้นๆ แต่เรียกเสียงฮ่า ของนายเสาไฟฟ้าได้ดีจริงๆ

              “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ชื่อแปลกจริงด้วย ทองดำ ทองดำ” นายเสาไฟฟ้าหัวเราะอย่างไม่เกรงใจใครอีกแล้ว คนบนรถต่างหันมามองเราสองคนอย่างสงสัย และรำคาญนายเสาไฟฟ้าไปในตัว ขณะที่ฉันแทบอยากจะเอาหน้างามๆของตัวเองหมุดพื้นรถเมล์หายไปซะเดี๋ยวนี้ ฮือ….ฮือ…..ไอ้เสาไฟฟ้าบ้า ฉันอายคนเค้านะยะ YOY ดีนะที่คนไม่เยอะเท่าไหร่ ไม่งั้นฉันคงแทบจะกระโดนลงรถเป็นจาพนมไปแล้ว โฮ่~~~โฮ่~~~ TvT

              ชิ้ง!!! -_-^ เสียงสายตาของฉันส่งไปให้ไอ้เสาไฟฟ้า(รอบที่สอง) หมอนั้นรีบสงบปากสงบได้ในที่สุด เมื่อเจอสายตาพิฆาตมารของฉัน ความจริงฉันไม่ได้โกรธเขาเลยที่มาหัวเราะชื่อฉัน (ใครได้ยินเขาก็หัวเราะทั้งนั้นแหละ -__-) แถมฉันออกจะชอบชื่อนี่ซะอีก ^^ ก็เพราะไอ้ความแปลกนี่แหละที่ทำให้ฉันชอบและไม่ทุกข์ไม่ร้อนถ้าจะมีใครมาล้อชื่อฉัน แต่ที่ฉันโกรธนายเสาไฟฟ้านั้นก็เพราะ ไอ้การหัวเราะบ้าบอของหมอนั้นที่ไม่เกรงใจใครเขาเลยนั้นแหละที่ทำให้ฉันรำคาญ =_=^

               “หง่าาาาาาา ฉันขอโทษ แบบว่า ไม่ได้ตั้งใจน่ะ นะ อย่าโกรธฉันเลยนะ นะ นะ“ แต่ฉันยังคงหน้าบึ้งต่อไป ทั้งๆ ที่ใจจริงฉันอยากจะหัวเราะใจแทบขาด ฮ่า ฮ่า ^O^นายเสาไฟฟ้าหน้านายตลกชะมัด ยังกะลูกหมาขอขนมแนะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า เหมือนจะน่าสงสารแฮะ ^o^

              “เอางี้ล่ะกัน เพื่อกันการขอโทษ…..ฉันยอมเป็นแฟนเธอเพื่อไถ่โทษเลยไหม” น้าน~_~ ดูข้อเสนอของนายเสาไฟฟ้านั้นสิ คิดได้ไงน่ะ -_-^ เป็นข้อเสนอที่หน้าสนใจมั๊กมาก เฮ้ย!!!!ใช่ที่ไหนกันเล่า แฮะ แฮะ ลืมตัว-_-‘

               “ไม่ล่ะ…..ฉันไม่คบกับคนแปลกหน้า” ฉันพยายามเชิดหน้า เมินข้อเสนอนั้นซะ ประมาณว่าเล่นตัวนั้นแหละ :p ทั้งๆที่ความจริงน้ำหน้าอย่างฉันนี่ก็ไม่มีใครเขาอยากเป็นแฟนด้วยหรอกนะ อ๊ะ!! แต่เรื่องไรฉันจะต้องไปคบกับคนที่ฉันไม่รู้จักด้วย แถมเพิ่งรู้จักกัน ฉันก็เป็นกุลสตรีไทยนะยะ >o<

              “โธ่……..กระผมเป็นคนแปลกหน้าที่ไหน คุณผู้หญิงเห็นหน้ากระผมทุกวัน ยังจะเรียกว่าแปลกหน้าอีกหรือครับคุณผู้หญิง ^--^”

              “แต่ฉันไม่รู้นิว่านายชื่ออะไร เป็นใคร หรือมาจากไหน ฉะนั้นก็ถือว่าเป็นคนแปลกหน้าได้” ถูกไหมล่ะคะผู้อ่าน ก็ฉันไม่รู้จักนายนั้นจริงๆนิ รู้อย่างเดียวว่าบ้านอยู่แถวเดียวกัน เพราะไม่งั้นก็คงไม่ขึ้นรถสายเดียวกันมาหรอก -_-“

              “อ๊ะ!!! พูดอย่างนี้แปลว่าอยากรู้จักผมแล้วล่ะซิท่า ^--^” เชอะ!!! ดันรู้ทัน เอ้ย!!!!ไม่ใช่ ฉันไม่ได้อยากรู้ซะหน่อย…จริง จริง นะ จริ๊ง จริ๊ง เชื่อเค้าเตอะ ><

             “เชอะ!!!เปล่าซักหน่อย” (แนะ!!! ยังมีหน้ามาปฏิเสธอีกนะ ยายดำเอ๊ยยยยยย----กะหล่ำ)

              “ฮึ……แน่จายนะว่าไม่อยากรู้จักกระผมคนนี้ แต่กระผมเห็นนะครับ คุณผู้หญิงน่ะแอบมองกระผมทุกวัยเลย ฮิ ฮิ”

              เฮ้ย!!!!! รู้ได้ไงฟ่ะ O.o นี่ฉันแอบมองแล้วนะเฟ้ยยย (ยังมีหน้ามาเถียงอีกเหรอ ---- )

              “คราย…ครายแอบมองนายที่ไหนไม่ทราบ ไม่มี๊ คร๊าย” (แต่เสียงที่แกปฏิเสธนี่มันพิรุธเต็มๆเลยนะนั้นยายดำ ---- กะหล่ำ)

              “ฮึ!!! ไม่มีก็ไม่มี ว่าแต่ไม่อยากรู้จักผมจริงๆเหรอ ^^”

            (-_- )( -_-)(-_- )( -_-) ในคือสิ่งที่ฉันแสดงออก แต่ในใจนะเหรอ (^o^)( _ _ )(^o^)( _ _ ) อยากรู้จักมั๊ก มาก ค่าาาาาาา (ไม่ค่อยเลยนะแก -- กะหล่ำ)

              “หง่ะ….แต่ไม่เป็นไร ผมอยากจะบอก กระผมนายขรรค์เงิน นาควิจิตร ครับกระผม” นายเสาไฟฟ้า เอ้ย!!! ไม่ใช่ดิ ต้องเป็นนายขรรค์เงินซินะ ทำท่าตะแบะ ยังกับทหาร หล่อตายล่ะ แต่ก็น่ารักดีแฮะ >.< (ตกลงแกจะเอายังไงกันแน่เนี่ย…..)

              “เออ…..” ทำหน้าซังกระตาย แต่ความจริงคือ กรี๊ด!!!!!! ยินดีที่ได้รู้จักค้าาาาาาา (เฮอะ เฮอะ สองหน้าจริงๆ ยายคนนี้นี่ =_=)

              “แค่เนี้ย….เนี้ยเหรอคำทักทายของเธอ ไม่คิดจะทำความรู้จักใครเลยหรือไงฮะ” นายขรรค์เงิน (รู้จักชื่อซักที) หันมาตะคอกฉัน สีหน้าผิดหวังนิดๆ (อะไรกันวะ เรื่องมากจริง -_-^)(แต่ฉันว่าแกมารยาททรามมากว่ะ -- กะหล่ำ)

              “ฮึ้ย!!!! ค้าาาาา ฉันนางสาวนิลสุวรรณ ร้อยมาลา ยินดีที่ได้รู้จักคุณขรรค์เงิน นาควิจิตร มากมากเลยค้าาาาา ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะค้าาาาา” ฉันตอบกลับยังกับท่องมา พร้อมฉีกยิ้มเหมือนดีใจซะเต็มประดา (ความจริงก็คือดีใจน่ะแหละ แต่อยากแกล้งนายนั้นเล่น^.^)

              “อ๊ะ!!!! ฝากเนื้อฝากตัวเลยเหรอ ฮึ ฮึ……เดี๋ยวฉันก็เก็บไว้ดูเล่นซะหรอก” นายขรรค์เงินทำท่าหื่นใส่ฉัน (นี่นายคิดอะไรอยู่เนี่ย -_-“)

              “นายเคยตายไหม……” ฉันทำหน้าเหมือนฆาตกรโรคจิต (ทั้งๆที่โรคจิตอยู่แล้ว)

              “ฮ่า…ฮ่า…ก็ถ้าตายด้วยมือเธอฉันยอมนะ ^^” นายขรรค์เงินยกมือฉันขึ้นมาจับ กรี๊ด!!!!!!มีคนจับมือฉันด้วยค้าาาาาาา (นี่ตกลงแกดีใจใช่ไหม่เนี่ย……)

              “นี่…..นาย……” พูดอะไรไม่ออกค่ะ มันอัดอั้นตันใจ ><

              “อ๊ะ….ถึงบ้านเธอแล้ว… จะไม่ลงเหรอ……”นายขรรค์เงินทำหน้าอ้อน ^^

      เฮ้ย!!!!นี่ฉันนั่งคุยกับนายขรรค์เงินจนลืมเลยเรอะเนี่ยว่าตอนนี้รถมาจอดหน้าบ้านฉันแล้ว เอ๋!!!ถ้าถึงบ้านฉันแล้ว แล้วนายขรรค์เงินล่ะ บ้านนายถึงก่อนฉันไม่ใช่เหรอ……

              “ฮ่ะ ฮ่ะ ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวรถเค้าก็วนกลับไปเองหรอก เธอรีบเข้าบ้านเถอะ วันนี้ฉันมาส่ง^^”

              “อือ…อืม…..บ๊ายบาย”

              “คร้าบผม พรุ่งนี้เจอกัน จะเจอเธอทุกวันเลย^-^”

      ……………………………

      ………………….

      …………

      …….

      .

      ค่ะนั้นคือจุดเริ่มต้นของเราสองคนค่ะ แต่ต่อไปมันจะเป็นยังไงนั้น ฉันเองก็ไม่สามารถบอกผู้อ่านได้หรอกค่ะ คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วล่ะค่ะ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×